^-^

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

บริการต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต

บริการต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต


>>>…Social  Networks


ปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตกำลังอยู่ในยุคกลางหรือยุคปลาย ๆ ของ web 2.0 กันแล้ว  จึงทำให้มีเว็บไซต์ในลักษณะ Social Networking Service (SNS) ออกมามากมาย  เป็นบริการผ่านเว็บไซต์ที่เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลแต่ละคนที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์คอินเทอร์เน็ต รวมทั้งเชื่อมโยงบริการต่างๆ อย่างเมล เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกันตั้งแต่ Hi5, MySpace, Facebook, Bebo, LinkedIn, Multiply, Ning และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดจะมีส่วนที่คล้ายกันคือ "การแอ๊ดเพื่อน" ตามหลักการ Friend-Of-A-Friend (FOAF)  โดยปกติแล้วสิ่งที่ SNS ให้บริการพื้นฐานคือ การให้ผู้สนใจสร้าง profile ลงในเว็บ  บางที่อาจอนุญาตให้อัพโหลดไฟล์แบบต่างๆ ไม่ว่าจะภาพ เสียง หรือ คลิปวีดีโอ  จากนั้นก็จะมีเรื่องของการ comment (เม้นต์)  มี Personal Messeage (PM) ให้คุยส่วนตัวกับเพื่อนบางคน และที่ต้องทำก็คือ ไล่อ่าน ไล่เม้นต์ ไปตาม Profile ของคนอื่นเรื่อยๆ
Social Network ยังไม่มีคำไทยเป็นทางการ มีการใช้คำว่า เครือข่ายสังคมบ้างเครือข่ายมิตรภาพบ้าง” “กลุ่มสังคมออนไลน์” Social Network นี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีอีกอันนึง ที่สามารถช่วยให้เราได้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคำว่า Social Network นี้จริงๆ แล้วก็คือ Participation หรือ การมีส่วนร่วมด้วยกันได้ทุก ๆ คน (ซึ่งหวังว่าผู้ที่ติดต่อกันเหล่านั้นจะมีแต่ความปรารถนาดี สิ่งที่ดีๆ มอบให้แก่กันและกัน) ถ้าพูดถึง Social Network แล้ว คนที่อยู่ในโลกออนไลน์คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และก็คงมีอีกหลายคนที่ได้เข้าไปท่องอยู่ในโลกของ Social Network มาแล้ว ถึงแม้ว่า Social Network จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกออนไลน์ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ใช้อินเตอร์เน็ต ทำให้เครือข่ายขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และจะยังคงแรงต่อไปอีกในอนาคต จากผลการสำรวจจากประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันการใช้บริการ Social Network ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมาแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกออนไลน์ ส่วนเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมสูงสุดทั่วโลก ก็เห็นจะเป็น My space, Facebook และ Orkut สำหรับเว็บไซต์ ที่มีเปอร์เซ็นต์เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็เห็นจะเป็น Facebook แต่สำหรับประเทศไทยที่ฮอตฮิตมากๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Hi5 

ผลกระทบทางบวกของบริการ SNS

SNS  เป็นบริการออนไลน์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์หลายด้าน  ดังนี้
                1.  ด้านสังคม   SNS เป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน ซึ่งเป็นความสวยงามที่สุดของอินเทอร์เน็ต SNS รายใหญ่อย่าง Hi5 มีสมาชิกอยู่เกือบ 100 ล้าน account ทั่วโลก บางคนมี "เพื่อน" เป็นหลักหมื่นหลักแสนอยู่ในไซเบอร์สเปซ   SNS ทำให้คนมีตัวตนอยู่ได้บนไซเบอร์สเปซ เพราะจะต้องแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้ Profile น่าสนใจ และมีชีวิตชีวาที่สุด บ้างก็เน้นไปที่การใส่ข้อมูลเนื้อหา blog รูปถ่ายในชีวิตประจำวัน เรื่องราวเพื่อนคนใกล้ตัว บ้างก็เน้นไปที่ลูกเล่นใส่ glitter หรือตัววิ๊ง ๆ เข้าไป สุดท้ายทำให้เชื่อได้ประมาณหนึ่งว่า มีตัวตนอยู่จริงบนโลกมนุษย์
                2.  ด้านการตลาด  จากสถิติการใช้สื่อโฆษณาของอเมริกาที่จัดทำขึ้นโดย eMarketer ได้มีการใช้เงินโฆษณา ผ่าน Social network เพิ่มมากขึ้นกว่า 100% จากปี 2006 เทียบกับ ปี 2007 และมีแนวโน้มที่จะใช้มากขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจาก ชาวอเมริกันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอินเตอร์เน็ตมากกว่าทีวี หรือวิทยุ ส่วนในบางประเทศที่ถูกควบคุม และจำกัดในการโฆษณา เช่น ประเทศจีน และสิงคโปร์ ก็ยังมีการใช้ Social network เป็นอีกช่องทางในการโฆษณา ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยัน ความฮอตฮิต และความแรงของการโฆษณาบน Social Network   การใช้เงินกับสื่อประเภทนี้ยังคงมีการเติบโตที่สูงมาก ซึ่งจากที่คาดการณ์ตัวเลขของปี 2006 จนถึงปี 2010 จะสูงขึ้นมากกว่า 500% ในประเทศสหรัฐอเมริกา และกว่า 600% ทั่วโลก นี่อาจจะเป็นผลมาจากเครือข่ายที่ขยายวงกว้างมากขึ้น และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่มีลูกเล่น ที่น่าสนใจมากขึ้นให้ผู้ใช้ได้คอยติดตามกัน
                Social Network ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เว็บไซต์ที่แชร์ข้อมูล รูปภาพอีกต่อไป แต่ได้พัฒนามาเป็นที่แนะนำสินค้า และสถานที่ที่สามารถซื้อหาได้ หรือที่รู้จัก กันในนามของ Collaborative Shopping Communities อีกด้วย สมาชิกสามารถแชร์เกี่ยวกับเทรนด์ที่มาแรง แฟชั่น ร้านค้าที่ฮอตฮิต นี่เป็น อีกหนึ่งโอกาสสำหรับนักการตลาดที่สามารถ รู้ถึง ความสนใจ และความต้องการของผู้บริโภคได้ตรง กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น Social Network Shopping เว็บไซต์จึงได้กลายมาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองในโลกของ Social Network  จากการสำรวจ Global Shopping Insight ของบริษัทวิจัย TNS เมื่อมีนาคม 2008 รายงานว่า Social Network Shopping ดูจะเป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นและผู้หญิงเพราะส่วน ใหญ่เป็นเทรนด์แฟชั่น และของสวยๆ งามๆ และหากมาดูยอดใช้บริการ Social Network Shopping ในแต่ละประเทศจีน และสเปน เป็นประเทศที่มีอัตราการใช้บริการและความสนใจที่จะใช้บริการ Social Net work Shopping ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ  ในไทยก็มีธุรกิจบางธุรกิจก็ได้มีการสร้างเครือข่ายเป็นของตัวเอง อย่างเช่น True ที่สร้าง Minihome หรือ Happyvirus ของดีแทค  ซึ่งอาจเป็นอีกช่องทางใหม่ๆ ที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณาต่อไปในอนาคต  เป็นเครื่องมือทางการตลาดจากเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีข้อมูลของสมาชิกที่จะทำให้สินค้าและการบริการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี  เช่นเดียวกับการตลาดที่วัดผลได้ และมีความคุ้มค่ากับการลงทุน (Return of Investment) รวมถึง Point of Sale ที่มีผลต่อให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อแบรนด์หนึ่งเป็นอีกแบรนด์หนึ่งได้ทันที ณ จุดขาย  และเป็นการขายผ่าน e-Marketplace สำหรับผู้ที่ต้องการจะเปิดเว็บไซต์ หรือเปิดหน้าร้านกับ e-Marketplace ทั้งหลาย ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยปัจจุบันมีตลาดหลายแห่งที่เปิดให้บริการอยู่ เช่น Tarad.com, Shopping.co.th, Weloveshopping.com เป็นต้น ซึ่งการขายสินค้าผ่าน e-Marketplace นั้นจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกก่อน ส่วนการเลือกใช้บริการเว็บไซต์ร้านค้าสำเร็จรูปก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาการสร้างหน้าร้านได้เช่นกัน    แม้แต่เว็บดังระดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง sanook.com และ kapook.com ต่างกระโดดเข้าเล่น Hi5 เต็มตัวและเก็บเกี่ยวผลดีจากยอดคนเข้าเว็บที่เพิ่มขึ้นจากช่องทางใหม่ ในขณะที่ pantip.com ที่เคยเป็นตำนานของเว็บและเว็บบอร์ดเมืองไทยก็เดิมพันอนาคตครั้งใหม่ ด้วยการซุ่มเงียบแล้วเปิดตัว Social Network ของตัวเอง
                ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมจะเป็นช่องทางสร้างโอกาสสำคัญในการเติบโตของโฆษณาออนไลน์ โดยมีจุดแข็ง คือ (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, เม.ย. 2551)
                สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ  โดยสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตามลักษณะของกลุ่มเครือข่ายสังคมที่หลากหลายและซับซ้อน
                เป็นการโฆษณาโดยใช้พลังทางเครือข่ายสังคม ซึ่งเป็นลักษณะการบอกต่อปากต่อปาก (Words of Mouth) โดยจะสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ผ่านการบอกเล่าของสมาชิกในเครือข่ายสังคม  ทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกถูกบังคับให้ต้องรับฟัง
                - ผู้ประกอบการสามารถใช้เว็บเครือข่ายสังคมเป็นเครื่องมือการทำ CRM (Customer Relationship Management) ในงานประชาสัมพันธ์ทางการตลาด  เนื่องจากจะมีการแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บ ทำให้ผู้ประกอบการรับรู้ Feedback ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน 

                3.  ด้านการเมือง   ดังตัวอย่างการใช้สื่อสมัยใหม่ในแข่งขันการเลือกตั้งที่มีส่วนทำให้โอบามาชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44   ซึ่ง Micah Sifry ผู้ร่วมก่อตั้งบล็อกการเมืองออนไลน์ของสหรัฐฯนาม techpresident.com พูดถึงเรื่องนี้ว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากโอบามามีความเข้าใจเรื่องพลังแห่งเครือข่าย ที่เขาสร้างมาเพื่อสนับสนุนแคมเปญของตัวเอง โดยมองว่า โอบามาเข้าใจเรื่องการดึงพลังขององค์กรอิสระที่จะสามารถสนับสนุนแคมเปญของเขาเองด้วย  นอกจากนี้ David Almacy ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายในทำเนียบขาวตั้งแต่เดือนมีนาคม 2005 ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2007 มองว่า โอบามาเข้าใจแนวคิดการสื่อสารระหว่างชุมชนออนไลน์ตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้โอบามาเน้นการส่งข้อความ Twitter แทนที่จะตรวจหน้า Facebook อย่างเดียวทุกวัน และความเข้าใจพลังเรื่องการสื่อสารระหว่างคนหลายชุมชนนี้เองที่ทำให้โอบามาทำแคมเปญได้ดีกว่าแม้คู่แข่งจะใช้กลยุทธ์หาเสียงออนไลน์เช่นเดียวกัน

ผลกระทบทางลบของบริการ SNS

อย่างไรก็ตาม SNS  ก็เป็นบริการออนไลน์ที่ส่งผลต่อชีวิตทางลบมนุษย์ได้เหมือนกัน  ดังนี้

                1.  เสียเวลา บริการ SNS มีมากเกินไป  อีกทั้งยังเล่นคล้าย ๆ กัน  งานการไม่ต้องทำ จึงเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้ สุดท้ายไม่รู้จักใครเพิ่มขึ้นเลยสักคน เพราะเป็นความสัมพันธ์เพียงฉาบฉวย ขาดการสื่อสารระหว่างบุคคลแบบเผชิญหน้าที่แท้จริง  ไม่ได้ต้องการรู้จักกันจริง บางทีบางคนมาขอแอ๊ด (ใส่) ไว้เฉย ๆ เพราะอยากมีจำนวน"เพื่อน"เพิ่มเยอะๆ ไว้โชว์  สังคมออนไลน์อาจเสื่อมลงได้
                2.  กำลังตกเป็นเหยื่อ นักการตลาดยุคใหม่เริ่มเห็นอิทธิพลของเครือข่ายทางสังคมแบบนี้ เริ่มพยายามมองว่าจะเข้าแทรกซึมถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างไร ยุทธวิธีอย่าง viral marketing การสร้าง buzz word เริ่มมีให้ได้ยินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ บางผลิตภัณฑ์เริ่มทำตัวเนียนแทรกตัวกลมกลืนไปใน SNS ต่างๆ อย่างใน Hi5 ที่มีคนไทยอยู่นับล้าน  เรียกได้ว่าพลังปากต่อปากของคนบนเน็ตแรงและเร็วเลยทีเดียว
                3.  ไม่มีประโยชน์ จากการต้องทำอะไรเดิม ๆ ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง แม้ความสวยงามของ SNS คือการเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน แต่ลิงค์เหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น มันไม่มีเหตุมีผล และไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมคนนี้ถึงเชื่อมต่อกับคนคนนั้น ทำไมไม่เป็นคนอื่นหละ

ลองนึกภาพทุกวันนี้ มีกลุ่มทางสังคมที่ซับซ้อนมากแค่ไหน  เพราะมีทั้งกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท เพื่อนสมัยมัธยมปลาย เพื่อนประถม เพื่อนที่ทำงานเก่า เพื่อนแฟน เพื่อนแฟนเก่า เพื่อนกิ๊ก เพื่อนเล่นเอ็ม เพื่อนเล่นเกมออนไลน์ ญาติพี่น้อง ฯลฯ  แต่อย่างไรก็ตามWeb 3.0 หรือ Semantic Web อาจจะเป็นคำตอบให้กับปัญหานี้ เพราะ Semantic web มีกระบวนการในการเชื่อมโยงผู้คนและวัตถุต่างๆ เข้าด้วยกันโดยมีการระบุความหมายระหว่างลิงค์นั้นๆ ในอนาคตจากการค้นเข้าไปใน SNS อาจจะหาได้ว่า นักศึกษาอเมริกันคนไหนที่พูดภาษาไทยได้และมีความสัมพันธ์เป็นญาติหรือเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่เรารู้จัก โดยที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแถบซิลิคอนวัลเลย์ มีงานดิเรก มีความสนใจคล้ายๆ กัน และที่สำคัญมีเวลาว่างในช่วงที่จะบินไปสัมมนาในซานฟรานซิสโก จะได้ส่ง message ไปนัดเจอกันเพื่อคุยแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับงานวิจัยที่ทำอยู่
สรุป  
เทคโนยีสมัยใหม่เหมือนเหรียญ 2 ด้าน หรือดาบ 2 คม  มีทั้งประโยชน์และเป็นช่องทางของผู้แสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้ SNS  แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้น  คือ การใช้แนวทางจริยธรรม    ที่ผู้ให้บริการและผู้ใช้จะต้องระมัดระวังไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นและก็ตั้งใจที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์อยู่เสมอ   ผู้ใช้ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง คือ ไม่ลุ่มหลงต่อกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งมากเกินไป  ควรสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมชุมชน เช่น การติดตั้งระบบเพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้เรื่องภัยอันตรายจากอินเตอร์เน็ต  แนวทางการเข้าสู่มาตรฐานการบริการจัดการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น มีการกำหนดเรื่องความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร ความมั่นคงปลอดภัยทางด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อมขององค์กร การควบคุมการเข้าถึง  และใช้แนวทางบังคับใช้ด้วยกฎหมาย ?

อ้างอิง :http://www.pccompete.com/blog/
http://jeffreyroos.wordpress.com/2007/11/02/what-is-a-social-network
http://gotoknow.org/blog/think/176946
http://www.marketingoops.com/news/online-biz-news


>>>…Web  board


WebBoard คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนา เป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยใช้รูปแบบการแสดงผล HTML ที่นิยมใช้ใน World Wide Web.. WebBoard อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเวปไซต์ และผู้พัฒนาเวปไซต์ สามารถตั้งหัวข้อกระทู้ เพื่อประกาศข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก GuestBook ตรงที่ WebBoard จะสามารถแยก หัวข้อต่างๆ ออกเป็นกระทู้ๆ มีความโต้ตอบกันในการสนทนา ในหัวข้อเดียวกันมากกว่า กล่าวได้ว่า WebBoard คือพัฒนาการในรูปแบบใหม่ ของระบบการสนทนาใน BBS (Bulletin Board System) ที่เคยได้รับความนิยม ก่อนที่ระบบเครือข่าย Internet จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น WebBoard ที่พบเห็นกัน มีอยู่หลายรูปแบบ สำหรับโปรแกรม D'Board ที่เปิดให้ใช้บริการนี้ จะเป็น WebBoard ในลักษณะเดียว (รูปแบบคล้าย) กับที่ใช้ใน pantip.com

ข้อดีของการใช้ Webboard
                -  เป็นช่องทางในการติดต่อ ประกาศข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
                -  ทำให้เกิดสังคม ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ระหว่างกลุ่มผู้เยี่ยมชม
                -  ผู้พัฒนาโฮมเพจ สามารถใช้เป็นช่องทางในการ ประกาศข่าวใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นได้
                -  ง่ายในการใช้งาน แม้จะเป็นผู้เริ่มต้น เมื่อเทียบกับการใช้ Mailing list หรือ News Group
ข้อดีของการใช้ D'Board
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม CGI script ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรม CGI script ใน Server เอง สามารถนำไปใช้ได้ แม้ว่า Server ของคุณจะไม่อนุญาตให้ติดตั้ง CGI script ได้เอง สามารถกำหนดรูปแบบ ของหน้าต่างๆ ของ WebBoard ของคุณได้เอง โดยผ่านระบบการจัดการที่เตรียมไว้ให้ สามารถใช้ HTML code แตกหน้าตา หน้าต่างๆของ WebBoard ของคุณได้ (รวมถึง Java และ Javascript ด้วยเช่นกัน) สามารถลบ และแก้ไข ข้อความ ที่มีผู้มาลงไว้ใน WebBoard ได้ สามารถใช้งานได้ ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นด้วยเวลาไม่ถึง 3 นาที ในการกรอกแบบฟอร์ม สมัครเป็นสมาชิก คุณก็สามารถ นำ WebBoard ของคุณไปใช้งาน ในโฮมเพจหรือเวปไซต์ ของคุณได้ทันที และอื่นๆ...

อ้างอิง  :  http://www.board.esanupdate.com/index.php/topic,1482.0.html

กรุณาอ่าน กฎ และเงื่อนไขในการใช้งาน Webboard โดยละเอียด
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความเนื้อหาที่ทำให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เสื่อมเสีย ไม่ว่าจะเป็นทางข้อความ หรือทางภาพ
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความและเนื้อหาที่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อและหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นทางข้อความ หรือทางภาพ หากฝ่าฝืนจะผิดกฎหมายในข้อหาโฆษณาหลอกลวงประชาชน
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความและเนื้อหาที่ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียหาย รำคาญใจ หรือก่อเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเกิดด้วยความตั้งใจหรือไม่
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความที่ส่อเสียดหรือว่ากล่าวให้ร้ายแก่สมาชิกผู้อื่น ไม่ว่าข้อความนั้นจะมีว่าอย่างไร จะกล่าวถึงชื่อผู้อื่นหรือไม่
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความที่ยุยงให้ผู้อื่นเกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ไม่ว่าผู้ตั้งกระทู้หรือผู้ตอบนั้นจะตั้งใจหรือไม่
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความ รูปภาพ ที่ส่อไปในเรื่องเพศ ลามกอนาจาร หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของไทย
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น หรือข้อความที่ซ้ำๆ ในกระทู้เดียวกันหรือหลายกระทู้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เจตนาของผู้ตั้งกระทู้หรือผู้ตอบ และสถานการณ์ในกระทู้นั้น
-  ห้ามเผยแพร่ข้อความหรือกระทู้ที่ส่อให้เห็นถึงเจตนาในการพนันต่างๆ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม
-  ห้ามเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของตนเองและของผู้อื่น ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายให้กับบุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือบุคคลที่สาม เช่นหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรเครดิต ฯลฯ ไม่ว่าผู้เผยแพร่จะมีเจตนาหรือไม่
-  ขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้บริการ Username บางคำที่เป็นของผู้ดูแลระบบ ได้แก่ "webmaster", "web editor", "hostmaster", "postmaster", "admin", "member(s)", "customer / customer service" หรือคำอื่นๆ ที่พิจารณาว่าไม่เหมาะสมสำหรับการใช้เป็น Username
-  สมาชิกจะต้องใช้นามแฝงที่เหมาะสม ไม่หยาบคาย หรือส่อไปในทางลามกอนาจาร มิฉะนั้นทีมงานมีสิทธิ์ ไม่ให้สิทธิ์การเป็นสมาชิกได้
-  ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกความเป็นสมาชิกได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวให้ทราบล่วงหน้า
-  ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการหยุดให้บริการ เมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า
-  ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ และความคิดเห็นใน Webboard โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ้างอิง  :  http://www.baanlaesuan.com/plantlover/webboard/rule.html

>>>…MSN  Chat
MSN MESSENGER หรือที่ เราชอบเรียกกันว่า MSN เนี่ย มันก็คือ โปรแกรมส่งข้อความข้าม ระบบเน็ทเวิร์ค แบบทันทีทันใดไงล่ะคะ เราสามารถสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับความสะดวกและรวดเร็ว
                ทำไม MSN ถึงยอดฮิต? เหตุผลที่เจ้า MSN ยอดฮิตก็เนื่องจากความง่ายของการใช้งาน เพียงคุณแค่มี E-MAIL ของ HOTMAIL หรือ MSN คุณก็สามารถเล่นเจ้า MSN ได้ทันที แถมมันยังผนวกกับ E-MAIL ของเราซะอีกนะคะ โดยที่..เมื่อใดก็ตามที่มีเมล์ เข้ามาถึงเรา เจ้า MSN มันก็จะแจ้งให้คุณทราบทันที นอกจากนั้น ความเร็วของการรับและส่งข้อความระหว่างกันก็ทำได้อย่างรวดเร็วด้วย หน้าตาโปรแกรมที่สวยงาม แถมเวอร์ชันใหม่ เรายังสามารถใส่รูปของเราได้หลากหลายอีกด้วย


จากรูปด้านบน คือหน้าตาของโปรแกรม MSN ค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ..
                1. หน้าต่างหลัก : ที่หน้าต่างนี้จะแสดงชื่อของเพื่อนๆ เราค่ะ ทั้งคนที่ ONLINE และ OFFLINE ซึ่งเวลาเราจะคุยกับเพื่อนคนไหน ก็สามารถดับเบิ้ลคลิก ที่ชื่อแล้ว หน้าต่างอีกอันจะแสดงขึ้นมา (รูปด้านขวามือ) เราก็สามารถพิมพ์ข้อความส่งให้เพื่อนได้ทันทีค่ะ
                2.หน้าต่างที่เราคุยกับเพื่อน : ที่หน้าต่างนี้เราสามารถพิมพ์ข้อความ คุยกับเพื่อนได้ทันที แล้วคุณยังสามารถให้ MSN แสดงรูปภาพของเรา โดยที่ ทางฝั่งเพื่อนของเรา ก็จะเห็นรูปดังกล่าวเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถส่ง ICON ต่างๆ เพื่อสื่ออารมณ์ เพิ่มความสนุกสนานในการ CHAT ได้อีกด้วยน้า (^0^)

อ้างอิง  :  http://www.rayongwit.ac.th/computer/m2fri49/g11m2fri/whatm.html

การใช้งาน
วิธีการติดตั้ง msn ( chat ) ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
1.       ก่อนอื่นคุณต้องมี Email Address ที่นามสกุล hotmail หรือ msn ก้อด้ายนะ ( ถ้าไม่มีไปสมัครที่ http://www.hotmail.com )
2.       เมื่อสมัครเสร็จแล้ว ให้ login เข้าไปในหน้าสำหรับเช็คเมล์
3.       คลิ๊กที่ Home สังเกตขวามือจะเห็นรูปผีเสื้อตัวโตๆๆ เขียนว่า msn..
4.       ให้คลิ๊กเข้าไป แล้วดาวโหลดโปรแกรม msn ตามขั้นตอน
5.       หลังจากดาวโหลดเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านสังเกตมุมด้านล่างขวามือสุด ท่านจะเห็น ตัวตุ๊กตาสีเขียว มีเครื่องหมายกากบาท….. สีแดง
6.       ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ตัวการ์ตูน
7.       จะขึ้นหน้าจอ MSN Messenger
8.       ให้คลิ๊กที่ "Click here to sign-in" จะขึ้นกรอบสีน้ำตาล ให้ท่านกรอกรายละเอียด
Sign-in name…………………ให้กรอก email address ของท่าน

อ้างอิง  :  http://www.hamanan.com/tips/msn.html

...ประโยชน์ของ  MSN  Chat
1. คุยปรึกษาหารือ เรื่องงานที่กำลังทำหรือ สอบถามปัญหาเรื่องงานจากผู้เกี่ยวข้อง แต่เดิมเราใช้การโทรศัพท์พูดคุย แต่บางครั้งเราต้องการคุยเป็นการส่วนตัว แบบว่า 2 ต่อ 2 ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเสียงคุย (กลัวคนอื่นว่า ทำไมมันไม่รู้เรื่องนี้ ทำงานมาตั้งนานแล้ว อะไรประมาณนี้ครับ)
2. สามารถสร้างกลุ่มเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างคณะ/หน่วยาน/บุคลากรต่างๆ เช่น นักวิเคราะห์ของคณะต่างๆ มี MSN ต่อไปเมื่อจะประสานงานกันระหว่างคณะใด หน่วยงานใด ก็ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ ก็ได้ เพียงแต่การพูดคุยทาง MSN เท่านั้น ก็สะดวกและตรงจุดเหมือนกัน
3. สามารถจัดประชุมแบบ e-meeting กันได้เลย เราสามารถจัดประชุมกลุ่มเล็กๆ ได้ ประมาณ 3-5 คน โดยติดตั้ง Webcam กับไมค์ ก็สามารถประชุมกันได้อย่างมีรสชาด ผ่านทาง MSN นี้เอง ประชุมที่โต๊ะ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ต้องเสียค่าอาหารว่าง
4. การส่งไฟล์แบบไม่จำกัดขนาดของไฟล์ เคยส่งไฟล์ขนาด 1GB พบว่า ไหวครับ สบายมาก จำกัดเฉพาะช่องสัญญาณของการส่งว่าจะมีเพียงพอหรือเปล่า
สิ่งที่ควรระวังเวลาเล่น MSN
1. ท่านจะถูกหัวหน้า เพ่งเล็งว่าไม่ทำงาน วันๆ เอาแต่คุยไร้สาระ หากท่านสามารถทำให้หัวหน้าเข้าใจได้ว่าสิ่งที่คุยอยู่นั้นเป็นเรื่องงาน พร้อมกับมีหลักฐานให้ดู ประเด็นนี้น่าจะหลุดพ้นไปได้
2. ระยะเวลาของการพูดคุย บางครั้งท่านจะคุยกันเพลินไปหน่อยจนลืมทำงาน แต่หลังจากพิจารณาแล้ว ผมกลับพบว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์ การเดินไปพูดคุยกับเพื่อนที่โต๊ะต่างๆ กับการพูดคุยผ่าน MSN เมื่อพิจารณาดูแล้ว ในเรื่องระยะเวลาของการคุย อาจจะเสียเวลาไม่แตกต่างกันเลยก็ได้

อ้างอิง  :  http://share.psu.ac.th/blog/overtime/4853

>>>…You  tube


YouTube (ยูทูบ) เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียง(www.youtube.com) โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ใน YouTube จะมีข้อมูลเนื้อหารวมถึงคลิปภาพยนตร์สั้นๆ และคลิปที่มาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอบล็อกกิ้ง (ซึ่งเป็นการสร้างบล็อกโดยมีส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพ วิดีโอเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะเป็นภาพวิดีโอที่เกิดจากมือสมัครเล่นถ่ายกันเอง) คลิปวิดีโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ YouTube ส่วนมากเป็นไฟล์คลิปสั้นๆ ประมาณ 1 - 10 นาที ถ่ายทำโดยประชาชนทั่วไป แล้วอัพโหลดขึ้นสู่เว็บไซต์ของ YouTube โดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับคลิปเอาไว้ด้วย เช่น ไฟล์ล่าสุด, ไฟล์ที่มีผู้ชมมากที่สุด, ไฟล์ที่ได้รับการโหวตมากที่สุด ฯลฯ
                YouTube เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตที่มียอดผู้ชมวิดีโอของทางเว็บไซต์ทะลุหลัก 100 ล้านครั้งต่อวัน หรือคิดเป็นราว 29 เปอร์เซ็นต์ของยอดการเปิดดูคลิปวิดีโอทั้งหมดในสหรัฐฯ ในแต่ละเดือนมีผู้อัพโหลดวิดีโอขึ้นเว็บกว่า 65,000 เรื่อง
                สถิติจาก Nielsen/NetRatings ซึ่งเป็นผู้นำวิจัยการตลาดและสื่่ออินเตอร์ระดับโลกระบุว่า ปัจจุบัน YouTube มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเดือนละ 20 ล้านคน นอกจากนี้ ในปี 2006 นิตยสารไทม์ ยกย่องให้เว็บไซต์ YouTube เว็บไซต์ให้บริการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอชื่อดัง เป็น "Invention of the Year" หรือรางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งปี อีกด้วย
ประโยชน์ของ  You  tube
1.ดูได้ทุกที่ทุกเวลา
2.แลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอกันได้ทั่วโลก
3.สร้างสถานีโทรทัศน์ด้วยตัวเองได้
4.สะดวกในการอธิบายข้อมูลต่างๆในรูปแบบวิดีโอแทน
5.ลดค่าใช้จ่ายในการทำสื่อโฆษณาผ่านเว็บไซต์
6.ความบันเทิงรูปแบบใหม่


วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554